กฎหมายจัดระเบียบการเก็บค่าลิขสิทธิ์ : ใครได้
ใครเสีย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา
มีการพูดกันมากเรื่องร่างกฎหมายลิขสิทธิ์ฉบับใหม่ โดยมีค่ายเพลง
ครูเพลง ศิลปิน กลุ่มหนึ่งออกมาคัดค้าน ขณะที่ครูเพลง
และผู้ใช้งานคาราโอเกะอีกกลุ่มหนึ่งก็ออกมาสนับสนุน
ทำให้เกิดความสับสน แต่ที่เป็นปัญหา คือ
ได้มีผู้บริหารของบริษัทจัดเก็บบางรายที่เป็นนักกฎหมายและเป็นกรรมาธิการนั่งพิจารณาร่างกฎหมายนี้อยู่ด้วย
ออกมาให้สัมภาษณ์โดยจงใจบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิดในหลักการและสาระสำคัญของกฎหมายนี้
ในทำนองว่าหน่วยงานของรัฐจะเป็นผู้จัดตั้ง “องค์กรกลาง”
เองและมีเพียงองค์กรเดียว
เพื่อรวบอำนาจและผูกขาดการจัดเก็บลิขสิทธิ์ทั่วประเทศ
โดยภาครัฐจะเข้าไป “ควบคุมราคา” อัตราการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์
รวมทั้งจะลดอัตราโทษการทำละเมิดลิขสิทธิ์
ให้เหลือโทษปรับอย่างเดียว
ซึ่งจะทำให้การปราบปรามซีดีเถื่อนไม่ได้ผล
ในฐานะประธานคณะทำงานยกร่างกฎหมายของกรมทรัพย์สินทางปัญญา
และโฆษกคณะกรรมา ธิการวิสามัญของ สนช.
ที่พิจารณาร่างกฎหมายนี้
ใคร่ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
ดังนี้
1.
เหตุผลที่ต้องเสนอร่างกฎหมาย เพราะมีการร้องเรียนมากกว่า 100 ราย
ทั้งที่ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกรมทรัพย์สินทางปัญญา
โดยผู้ใช้งานเพลง เช่น ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหาร ภัตตาคาร โรงแรมฯ
กล่าวหาว่า การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ไม่มีความเป็นธรรม เอาเปรียบ
มีการจัดเก็บซ้ำซ้อน จับกุมและข่มขู่เรียกค่ายอมความ
และยังมีบุคคลที่เรียกกันว่า “นักบิน”
กว้านซื้อใบมอบอำนาจจากเจ้าของสิทธิแล้วไปข่มขู่เรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี
ครั้งละ 20,000 บาท – 50,000 บาท รวมทั้ง
ครูเพลงจำนวนมากที่เป็นสมาชิกของบริษัท จัดเก็บบางรายร้องเรียนว่า
บริษัทจัดเก็บเอาเปรียบ ไม่จัดสรรค่าลิขสิทธิ์ให้ หรือให้น้อย
ไม่มีกำหนดเวลา แน่นอน นอกจากนั้น
บริษัทจัดเก็บเองที่มีอยู่มากกว่า 10 รายขณะนี้ ก็ร้องเรียนว่ามี
“มาเฟียคาราโอเกะ”
ใช้อิทธิพลให้ความคุ้มครองเจ้าของตู้คาราโอเกะที่ผิดกฎหมาย
ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้
ประกอบกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ได้เสนอแนะต่อรัฐบาลให้พิจารณาปรับปรุงกฎหมาย
โดยให้สร้างระบบและจัดระเบียบการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ให้มีความเป็นธรรม
และปรับปรุงอัตราโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ของการกระทำผิดด้วย
ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นและข้อเสนอแนะของหน่วยงานต่างๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชน นักวิชาการ สมาคมที่เกี่ยวข้องกับวงการเพลง
ที่เข้าร่วมสัมมนารับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ ดังนั้น
จึงได้มีการพิจารณาและเสนอกฎหมายนี้
2.
ร่างกฎหมายนี้จัดให้มีการรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของทุกฝ่ายหลายครั้ง
และมีตัวแทนบริษัทจัดเก็บ ค่ายเพลง ครูเพลง ผู้ใช้งาน
เข้าร่วมประชุมด้วยทุกครั้ง ร่างนี้ได้เสนอตั้งแต่ปี 2548
ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)
ซึ่งได้มีการประชุมพิจารณาอย่างรอบคอบมากกว่า 30 ครั้ง
นอกจากนั้นนายกงกฤช หิรัญกิจ สมาชิก สนช. กับคณะ
ได้เสนอร่างกฎหมายที่มีหลักการและสาระสำคัญสอดคล้องกันอีกฉบับหนึ่ง
รวมทั้ง นายวิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ สมาชิก สนช. กับคณะ
ก็ได้เสนอร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง
เพื่อให้คนพิการได้มีโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากงานลิขสิทธิ์ได้โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ถ้าไม่ได้กระทำเพื่อการค้า เช่น
การดัดแปลงหนังสือธรรมดาให้เป็นหนังสืออักษรเบลล์หรือหนังสือเสียง
เป็นต้น
ที่มา =
http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_content&task=view&id=260&Itemid=227
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์
รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ฯ สนช |